[[แจกฟรี]]แนวข้อสอบเจ้าพนักงานดูเงิน กรมธนารักษ์

[[แจกฟรี]]แนวข้อสอบเจ้าพนักงานดูเงิน กรมธนารักษ์

ดาวน์โหลดแนวข้อสอบ ไฟล์ PDF >>> คลิ๊ก

 

1.     ข้อไม่ใช่วัตถุประสงค์ของนโยบายตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2548-2553

ก.    เพื่อเสริมสร้างให้เกิดการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี

ข.    เพื่อป้องกันหรือลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

ค.    เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของสังคม

ง.     เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานตรวจเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

        ตอบ  ค.

 

2.     ข้อใดเป็นนโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน

ก.    เสริมสร้างวินัยทางงบประมาณและการคลังภาครัฐ

ข.    เสริมสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล

ค.    ประสานความร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจ

ง.     ติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน 2 ฉบับ ตามนโยบายการตรวจเงินของรัฐบาล

        ตอบ  ก.

 

3.     พระราชบัญญัติเงินคงคลังฉบับแรกตราขึ้นในปี พ.ศ. ตามข้อใด

ก.    พ.ศ. 2490

ข.    พ.ศ. 2491

ค.    พ.ศ. 2492

ง.     พ.ศ. 2493

        ตอบ  ข.

 

4.     พระราชบัญญัติเงินคงคลังฉบับแรกประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด

ก.    12 ก.พ. 2490

ข.    12 ก.พ. 2491

ค.    12 ก.พ. 2492

ง.    12 ก.พ. 2493

        ตอบ  ข.

 

5.     พระราชบัญญัติเงินคงคลังมีกี่ฉบับรวมทั้งฉบับปัจจุบัน

ก.    2   ฉบับ

ข.    3   ฉบับ

ค.    4   ฉบับ

ง.     5   ฉบับ

        ตอบ  ค.

 

6.     พระราชบัญญัติเงินคงคลังฉบับที่ 4  ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมในปี พ.ศ. ใด

ก.    พ.ศ.  2492

ข.    พ.ศ.  2495

ค.    พ.ศ.  2509

ง.     พ.ศ.  2534

        ตอบ  ง.

 

7.     ข้อใดเป็นความหมายของ  “บัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1”

ก.    บัญชีเงินฝากกระแสรายวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลัง มีไว้เพื่อประโยชน์ แห่งมาตรา 3

ข.    บัญชีเงินฝากกระแสรายวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลัง มีไว้เพื่อประโยชน์ แห่งมาตรา 4

ค.    บัญชีเงินฝากกระแสรายวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลัง มีไว้เพื่อประโยชน์ แห่งมาตรา 5

ง.    บัญชีเงินฝากกระแสรายวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลัง มีไว้เพื่อประโยชน์ แห่งมาตรา 6

ตอบ  ข.

 

8.     ขอใดเป็นความหมายของ  “บัญชีคงคลังบัญชีที่ 2”

ก.    บัญชีเงินฝากกระแสรายวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลัง มีไว้เพื่อประโยชน์ แห่งมาตรา 3

ข.    บัญชีเงินฝากกระแสรายวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลัง มีไว้เพื่อประโยชน์ แห่งมาตรา 4

ค.    บัญชีเงินฝากกระแสรายวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลัง มีไว้เพื่อประโยชน์ แห่งมาตรา 5

ง.    บัญชีเงินฝากกระแสรายวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลัง มีไว้เพื่อประโยชน์ แห่งมาตรา 6

ตอบ  ข.

 

9.     เงินที่กระทรวงการคลังอนุญาตให้ส่วนราชกรมีไว้ตามจำนวนที่เห็นสมควรเพื่อทดรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายปลีกย่อยประจำสำนักงานตามข้อบังคับและระเบียบของกระทรวงการคลัง เป็นเงินตามข้อใด

ก.    เงินจ่ายไปก่อน

ข.    เงินยืมทดลองราชการ

ค.    เงินทดรองจ่าย

ง.     เงินทดแทนชั่วคราว

        ตอบ  ข.

 

10.  เงินที่กระทรวงการคลังรับฝากไว้และจ่ายคืนตามคำขอของผู้ฝากตามข้อบังคับและระเบียบของกระทรวงการคลังเป็นเงินตามข้อใด

ก.    เงินยืมทดรองราชการ

ข.    เงินขายบิล

ค.    เงินฝาก

ง.      เงินทุนหมุนเวียน

        ตอบ  ค.

 

11. เงินที่กระทรวงการคลังรับไว้ ณ ที่แห่งหนึ่งเพื่อโอนไปจ่าย ณ. ที่อีกแห่งหนึ่ง ตามข้อบังคับและระเบียบของกระทรวงการคลังเป็นเงินตามข้อใด

ก.    เงินยืมทดรองราชการ

ข.    เงินขายบิล

ค.    เงินฝาก

ง.     เงินทุนหมุนเวียน

        ตอบ  ข.

 

12.  เงินตามข้อใดบ้างที่หัวหน้าส่วนราชการเก็บหรือรับไว้มีหน้าที่ควบคุมให้ส่งเข้าบัญชีเงินคงคลัง ที่ 1  หรือคลังจังหวัด

ก.    เงินภาษีอากร

ข.    เงินค่าธรรมเนียม

ค.    เงินค่าปรับ

ง.    ถูกทุกข้อ

        ตอบ  ง.

 

13.  ในกรณีตามข้อใดให้สั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 2  หรือคลังจังหวัด คลังอำเภอ ได้ก่อนที่กฎหมายจะอนุญาตให้จ่าย

ก.    มีกฎหมายใดๆ ที่กระทำให้ต้องจ่ายเงินเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายนั้นๆ และมีความจำเป็นต้องจ่ายโดยเร็ว

ข.    ไม่มีกฎหมายใดๆ ที่กระทำให้ต้องจ่ายเงินเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายนั้นๆ และมีความจำเป็นต้องจ่ายโดยเร็ว

ค.    มีกฎหมายใดๆ ที่กระทำให้ต้องจ่ายเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายนั้นๆ และไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายโดยเร็ว

ง.     มีข้อผูกพันกับองค์การสหประชาชาติ

        ตอบ   ก.

 

14.  เงินตามข้อใดห้ามสั่งจ่ายจากบัญชีเงินคลังบัญชี 2

ก.    เงินยืมทดรองราชการ, เงินฝาก

ข.   เงินฝาก, เงินขายบิล

ค.    เงินขายบิล, เงินยืมทดรองราชการ

ง.    เงินคงคลัง, เงินทดรอง

ตอบ  ค.

 

15.  การสนั่งจ่ายเงินจากบัญชีคงคลังบัญชีที่ 1  เป็นหน้าที่ของบุคคลตามข้อใด

ก.    รัฐมนตรีว่าการคลัง

ข.   คณะกรรมการตรวจเงิน

ค.    ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน

ง.    อธิบดี

ตอบ  ก.

 

16.  การสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 2  เป็นหน้าที่ของบุคคลตามข้อใด

ก.    รองอธิบดี หรืออธิบดีกรมการค้า

ข.    รองผู้ตรวจเงินแผ่นดินหรือผู้ตรวจเงินแผ่นดิน

ค.    อธิบดีกรมธนารักษ์และเจ้าหน้าที่ที่รัฐมนตรีว่าการคลังแต่งตั้ง

ง.     รัฐมนตรีช่วยหรือรัฐมนตรีว่าการคลัง

ตอบ  ค.

 

17.  การสั่งจ่ายเงินจากคลังจังหวัดหรือคลังอำเภอเป็นหน้าที่ของบุคคลตามข้อใด

ก.    ปลัดจังหวัด

ข.    ผู้ว่าราชารจังหวัด

ค.    นายอำเภอ

ง.    ถูกทุกข้อ

ตอบ  ข.

 

18.  ในการสั่งจ่ายเงินจากคลังจังหวัดถ้ามีเงินเหลือจ่ายให้ปฏิบัติตามข้อใด

ก.    ส่งเข้าคลังบัญชีที่ 1

ข.   ส่งเข้าคลังบัญชีที่ 2

ค.    ส่งเข้ากระทรวงการคลัง

ง.    ให้นำเงินไปเป็นทุนหมุนเวียน

ตอบ  ก.

 

19.  พระราชบัญญัติราชการทางปกครองฉบับปัจจุบันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด

ก.    14  พ.ย.  2535

ข.    14  พ.ย.  2537

ค.    14  พ.ย.  2539

ง.    14  พ.ย.  2541

ตอบ  ค.

 

20.  พระราชบัญญัติราชการทางปกครองให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดกี่วันนับจากวันถัดจากประกาศ

ในราชกิจจานุเบกษา

ก.    30  วัน

ข.    60  วัน

ค.    90  วัน

ง.    180  วัน

ตอบ  ง.

 

21.  พระราชบัญญิราชการทางปกครองมิให้ใช้บังคับกับหน่วยงานตามข้อใด

ก.    รัฐสภาและคณะรัฐมนตรี

ข.    องค์กรที่ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะ

ค.    การดำเนินงานเกี่ยวกับนโยบายการต่างประเทศ

ง.    ถูกทุกข้อ

ตอบ  ง.

 

22.  การเตรียมการและดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง หรือกฎและรวมถึงการดำเนินการใดๆ ในทางปกครอง เป็นความหมายตามข้อใด

ก.   คำสั่งทางปกครอง

ข.   การพิจารณาทางปกครอง

ค.   วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง

ง.   การใช้อำนาจทางปกครอง

ตอบ  ค.

 

23. การเตรียมการและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครองเป็นความหมายตามข้อใด

ก.    คำสั่งทางปกครอง

ข.   การพิจารณาทางปกครอง

ค.    วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง

ง.    การใช้อำนาจทางปกครอง

ตอบ  ข.

 

24.  ข้อใดมิใช่ความหมายของคำสั่งทางปกครอง                        

ก.    การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้น ระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อหรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลถาวรหรือชั่วคราว

ข.    การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้น ระหว่างบุคคลในอันที่ จะเปลี่ยนแปลงหรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลถาวรหรือชั่วคราว

ค.    การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้น ระหว่างบุคคลในอันที่จะสงวนหรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลถาวรหรือชั่วคราว

ง.    การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้น ระหว่างบุคคลในอันที่ จะรับโอนหรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลถาวรหรือชั่วคราว

ตอบ  ง.

 

25.  ข้อใดไม่เป็นคำสั่งทางปกครอง

ก.    การสั่งการ , การอนุญาต

ข.    การอนุญาต,  การอนุมัติ

ค.    การอนุมัติ,  การรับรอง

ง.     ถูกทุกข้อ

ตอบ  ง.

 

26.  คำว่า  “กฎ”  ตามพระราชบัญญัติราชการทางปกครองหมายถึงข้อใด

ก.    พระราชกฤษฎีกา

ข.    กฎกระทรวง

ค.    ประกาศกระทรวง

ง.    ถูกทุกข้อ

ตอบ  ง.

 

27.  คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายที่มีการจัดองค์กรและวิธีพิจารณาสำหรับการวินิจฉัยชี้ขาดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย เป็นความหมายตามข้อใดตามพระราชบัญญัติราชการทางปกครอง

ก.    คณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท

ข.    คณะกรรมกรวินิจฉัยชี้ขาด

ค.    คณะกรรมการตัดสินข้อพิพาท

ง.    คณะกรรมการระงับข้อพิพาท

ตอบ  ก.

 

28.  บุคคลตามข้อใดคือผู้ที่ยื่นคำขอหรือผู้คัดค้านคำขอที่ได้เข้ามาในกระบวนพิจารณาทางปกครองเนื่องจากสิทธิของผู้นั้นถูกกระทบกระเทือนจากผลของคำสั่งทางปกครอง

ก.    คู่ความ

ข.    คู่กรณี

ค.    จำเลย

ง.    โจทก์

ตอบ  ข.

 

29.  คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองประกอบด้วยบุคคลตามข้อใดบ้าง

ก.    ปลัดสำนักนายก

ข.    ปลัดกระทรวงมหาดไทย

ค.    เลขาคณะรัฐมนตรี

ง.    ถูกทุกข้อ

        ตอบ  ง.

 

30.  คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองซึ่งเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่าเท่าใดและไม่เกินเท่าใด

ก.    ไม่น้อยกว่า  4  คน ไม่เกิน  7  คน

ข.    ไม่น้อยกว่า  5  คน ไม่เกิน  9  คน

ค.    ไม่น้อยกว่า  6  คน ไม่เกิน  9  คน

ง.    ไม่น้อยกว่า  7  คน ไม่เกิน  9  คน

ตอบ  ข.

 

31.  ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้รับการแต่งตั้งจากบุคคลตามข้อใด

ก.    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ข.    คณะรัฐมนตรี

ค.    นายกรัฐมนตรี

ง.    ประธานรัฐสภา

ตอบ  ข.

 

32.  ข้อใดไม่ใช่คุณสมบัติของบุคคลที่เป็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

ก.    เชี่ยวชาญด้านนิติศาสตร์

ข.    เชี่ยวชาญด้านสังคมศาสตร์

ค.    เชี่ยวชาญด้านรัฐประศาสนศาสตร์

ง.    เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ตอบ  ง.

 

33.  ให้บุคคลตามข้อใดเป็นเลขา ผู้ช่วยเลขาคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง

ก.    ข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

ข.    ข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

ค.    ข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

ง.    ข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

ตอบ  ก.

 

34.  คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมีวาระดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี

ก.    3  ปี

ข.    4  ปี

ค.    5  ปี

ง.    6  ปี

ตอบ  ก.

 

35.  สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทุกหน้าที่เป็นสำนักงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมีหน้าที่รับผิดชอบงานตามข้อใด

ก.    งานธุรกิจ,  งานประชุม

ข.   งานธุรการ,  งานประชุม

ค.    งานพบปะ,  งานปกครอง

ง.    งานธุรกิจ,  งานธุรการ

ตอบ  ข.

 

36.  ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง

ก.    สอดส่องดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้

ข.    กำกับและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้

ค.    เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและออกกฎกระทรวงหรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้

ง.    เรื่องอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย

ตอบ  ข.

 

37.  คำสั่งทางปกครองจะต้องกระทำโดยบุคคลตามข้อใด

ก.    เจ้าหน้าที่ทางปกครอง

ข.    เจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เรื่องนั้น

ค.    หัวหน้างานปกครองเท่านั้น

ง.    ผู้อำนวยการเท่านั้น

ตอบ  ข.

 

38.  เจ้าหน้าที่ตามข้อใดบ้างที่จะพิจารณาทางปกครองไม่ได้

ก.    เป็นคู่กรณีเอง

ข.    เป็นคู่หมั้นหรือคู่สมรสคู่กรณี

ค.    เป็นเจ้าหนี้ ของคู่กรณี

ง.    ถูกทุกข้อ

 

39.  บุคคลตามข้อใดอาจเป็นคู่กรณีในการพิจารณาทางปกครองได้

ก.    บุคคลธรรมดา

ข.    คณะบุคคล

ค.    นิติบุคคล

ง.    ถูกทุกข้อ

ตอบ  ง.

 

40.  บุคคลตามข้อใดเป็นผู้ที่มีความสามารถกระทำการในกระบวนพิจารณาทางปกครองได้

ก.    เป็นผู้ซึ่งบรรลุนิติภาวะ

ข.    เป็นผู้ที่มีความสามารถด้านกฎหมายเท่านั้น

ค.    เป็นผู้ที่มีความสามารถด้านรัฐศาสตร์เท่านั้น

ง.    เป็นผู้ที่มีความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์เท่านั้น

ตอบ  ก.